วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

อบรมพิเศษเรื่อง E-Thesis & E-Rare book

อบรมพิเศษเรื่อง E-Thesis & E-Rare book ณ หอสมุดกลางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 1/9/54

E-Thesis
     สำนักหอสมุดกลางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เริ่มจัดทำ E-Thesis ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2546 โดยแต่เดิมบรรณารักษ์จะจัดทำจากการนำวิทยานิพนธ์ของบัณฑิตวิทยาลัยที่ส่งตัวเล่มให้แก่บรรณารักษ์ห้องสมุดเพื่อนำมา Digitize  แล้วทำการตัดสันตัวเล่มและทำการแสกนให้เป็นรูปแบบ PDF files และจัดทำลายน้ำเพื่อป้องกันการคัดลอก จากนั้นจึงทำการ upload ไปยังฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (E-Thesis) ของสำนักหอสมุด
     ปัจจุบันบัณฑิตวิทยาลัยเปลี่ยนจากการส่งตัวเล่มวิทยานิพนธ์เป็นการไรท์ข้อมูลวิทยานิพนธ์ทั้งหมดลงในแผ่น CD หรือ DVD แล้วจึงส่งให้บรรณารักษ์จัดทำ จากนั้นบรรณารักษ์จะจัดทำลายน้ำ แล้วทำการ rename files ใหม่เพื่อป้องกันไฟล์ซ้ำซ้อน แล้วจึง upload ลงฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ต่อไป

วิธีการจัดทำ (ตัวเล่ม)
   1. ทำการแสกนตัวเล่มทั้งหมดทุกหน้า ซึ่งมี 2 แบบ คือ
       - แบบขาวดำ
       - แบบสี
       *** แบบขาวดำ มีข้อเสียตรงที่พอแสกนออกมาแล้วภาพไม่ค่อยชัดเท่าภาพสี ปัจจุบันจึงเปลี่ยนมาใช้การแสกนภาพสีแทนขาวดำ
   2. ก่อนทำการแสกนต้องกำหนดขนาดของหนังสือที่จะแสกนก่อน
   3. ตั้งชื่อ sheet file
   4. กำหนดตำแหน่งเก็บไฟล์ จากนั้นเริ่มทำการแสกน
   5. แสกนเสร็จแล้วมาดูไฟล์ภาพที่ได้จากการแสกนในเครื่องคอมฯที่ได้กำหนดไว้ เป็น pdf files
   6. กำหนดลายน้ำ (ทำทุกหน้า)
   7. ทำบรรณานุกรม เสร็จแล้วตั้งชื่อไฟล์ตามสาขาวิชา ดังนี้
            ชื่อสาขาวิชา  เดือน  ปีที่ทำ ชื่อผู้ทำ   -------->  acc1147ns  
                                                                                        acc  -----> สาขาวิชาการบัญชี
                                                                                        11  ------>  เดือนพฤศจิกายน
                                                                                        47  ------>  ปี 2547
                                                                                         ns ------>   ชื่อ
   8. Upload ลงฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (E-Thesis)


E-Rare book
       การจัดทำ E-Rare book จะต้องมีการพิจารณาหนังสือที่จะนำมาทำก่อนทำการเผยแพร่ โดยจะพิจารณาจาก
     - หนังสือนั้นจะต้องมีอายุ 50 ปีขึ้นไป หลังจากเจ้าของ หรือผู้แต่งเสียชีวิต โดยที่ต้องไม่มีใครเป็นเจ้าของ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับกฎหมายลิขสิทธิ์ และหากหนังสือเล่มดังกล่าวยังไม่หมดลิขสิทธิ์ ก่อนจะนำหนังสือเล่มดังกล่าวมาจัดทำต้องทำการของอนุญาตเจ้าของผลงาน
     - หนังสือนั้นจะต้องมีความเก่ามาก โดยอาจมีอายุถึง 100 ปีขึ้นไป หากหนังสือไม่สามารถเปิดได้ หรือชำรุด และเสี่ยงต่อการฉีกขาดจะไม่นำมาแสกน แต่จะทำโดยการถายรูปแทน และหากหนังสือนั้นมีปลวก มอด หรือมีเชื้อราจะต้องนำไปเข้ากระบวนการอนุรักษ์ก่อน โดยการนำเข้าห้องเย็นยิ่งยวดที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศา เพื่อทำการฆ่าเชื้อ โดยใช้สารเคมี เป็นเวลา 1 คืน รมสารอีก 1 คืน และนำออกมาพักเพื่อให้สารเคมีจางหายไปอีก 1 อาทิตย์
     - จากนั้นจึงนำไปแสกน และตกแต่งรูปภาพในอยู่ในสภาพสมบูรณ์
     - ในการจัดทำ จะใช้โปรแกรม Desktop Author เพราะมีราคาถูก maintain ง่าย ใช้งานง่าย และมีฟังก์ชั่นที่หลากหลาย สามารถชี้แหล่งข้อมูลได้ และ Link ไปยังฐานข้อมูล OPACได้ ทำให้ง่ายต่อการค้นหา

วิธีการทำ E-Rare book
     1. หลังจากได้ภาพที่แสกนมาแล้วจึงนำไฟล์ภาพที่แสกนได้ไปจัดทำในโปรแกรม Desktop Author
     2. เปิดโปรแกรม Desktop Author ขึ้นมาแล้วกำหนดขขนาดหนังสือ W980 H780
            *** สามารถกำหนดขนาดอื่นๆได้ตามขนาดหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงผล และสามารถกำหนดไม่ให้ทำการ copy หรือทำการ printได้
     3. ควรกำหนดขนาดภาพให้ตรงกับขนาดที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อความรวดเร็วในการจัดหน้าหนังสือ
     4. เมื่อเสร็จแล้วจะทำการ Package files (save) มีสองสกุล คือ
            -  .EXE   ไฟล์สกุลนี้จะมีความสะดวกในการเปิดใช้งาน
            -  .DNL   ไฟล์สกุลนี้ผู้ใช้จะต้องมีโปรแกรมสำหรับเปิดไฟล์ชนิดนี้โดยเฉพาะ มิเช่นนั้นจะไม่สามารถเปิดอ่านไฟล์ดังกล่าวได้
     5. ทำรายการ MARC ลง INOPAC แล้ว Upload ไปยังฐานข้อมูล E-Rare book
   
        นอกจากฐานข้อมูลที่กล่าวมาแล้วทางสำนักหอสมุดยังได้จัดทไฐานข้อมูลเฉพาะ ฐานข้อมูลเอกสารโบราณ ได้แก่ ปัปสา ใบลาน และสมุดข่อย ซึ่งทั้งหมดจะใช้ Element ของ Dublin Core เป็นหลัก

สรุป
ปัญหาและอุปสรรคในการจัดทำ

     E-Rare book
          - จะมีปัญหาที่ต้นฉบับ เนื่องจากต้นฉบับไม่มีความสมบูรณ์ เนื่องจากการฉีกขาด หรือเสียหาย ทำให้การแสกนไม่ดีเท่าที่ควร และใช้เวลานาน หนังสือ 1เล่ม/1วัน
   
     E-Thesis
          - แต่เดิมการจัดทำจะต้องเอาตัวเล่มมาตัด แล้วจึงทำการแสกน ทำให้หระดาษติดเครื่องในบางครั้ง
          - ปัจจุบัน นักศึกษา จะส่งข้อมูลตัวเล่ม กับข้อมูลในแผ่น CD โดยมักจะมีปัยหาเกิดขึ้นว่าข้อมูลใน CD ไม่ตรงกับตัวเล่ม จึงต้องส่งกลับไปให้นักศึกษาแก้ไขใหม่
          - หากไม่สามารถตามตัวนักศึกษาคนดังกล่าวได้ บรรณารักษ์จะตัดสันตัวเล่มออก แล้วทำการแสกนแทน






***ขอขอบคุณพี่ๆบรรณรักษ์ที่ให้ความรู้และข้อมูลในการจัดทำ จบจากการอบรมแล้วได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้นมากมาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น