วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

E-Book And Library (ต่อ)

 สรุปการเรียนการสอนเรื่อง E-Book And Library ประจำวันพฤหัสบดี ที่14 ก.ค. 54


การเข้าถึง (Access)
       1. Offline  (downloadable use) 
            คือ สามารถดาวน์โหลดไปอ่านในเครื่องเองโดยไม่ต้องออนไลน์ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นิยมใช้เป็น โหมด Offline  โดยที่ผู้ใช้ต้องทำดาวน์โหลดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แล้วจึงถ่ายโอนมาที่เครื่องอ่าน e-readers  เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว หรือ personal digital assistants (PDA) Palm
            Electronic Text Centre ที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเสนอให้มีการจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบ HTML ซึ่งสามารถอ่านในโหมดออนไลน์ได้
        
       2. Online (Web-accessible use)
             คือ สามารถ อ่าน หรือฟังได้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ และในที่นี้จะต้องมีซอฟแวร์ที่ใช้ในการอ่านเช่นเดียวกันกับการอ่านแบบออฟไลน์ ซึ่งสามารถอ่านผ่านเครือข่าย โดยใช้โปรแกรมอ่าน เช่น Adobe Reader, Microsoft Reader และ Web browsers



Implementation of E Book - Hawkins
     1. Downloadable e books
     2. Dedicated e-book readers
     3. Web accessible e books


1. Downloadable e books 
      - Proprietary (กรรมสิทธิ์) 
           มีกรรมสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ ซึ่งผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดหนังสือมาอ่านได้เองโดยมีโปรแกรมเฉพาะสำหรับอ่าน หรือพิมพ์  เปิดให้ดาวน์โหลดเป็นสาธารณะ
      - Non proprietary (ไม่มีกรรมสิทธิ์)  
           เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในรูปแบข ASCII text หรือ HTML  สามารถอ่านได้โดยการใช้เว็บ Browser download to HD เช่น Project Gutenberg, Internet Public Library
       http://www.overdrive.com/products/dlr/demos/salesdemo.htm

2. Decicated e-book readers

        หนังสือพวกนี้จะเปิดอ่านบนอินเทอร์เน็ตไม่ได้ ต้องเอาไปเปิดอ่านในเครื่องอ่านเท่านั้น
       - Amazon Kindle

           ต้องมีค่าดูแลรักษา และงบประมาณเพิ่มขึ้นมีการกำหนดควบคุมสำหรับการพิมพ์ และการทำสำเนา ใช้ได้ครั้งละ 1 คน
      - Barn & Noble    Google
           สิทธิในการให้ยืม จำกัด ต้องซื้อใหม่เมื่อครบกำหนด

3.  Web accessible e books  
          เป็นหนังสือที่สามารถเปิดอ่านได้ทันที ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการบริการโดยผ่านตัวแทนจำหน่าย หรือห้องสมุดจะสามารถจัดการให้ได้ โดยสามารถเปิดอ่านบนเว็บได้  มีทั้ง proprietary และ circulation e books ห้องสมุดไม่ต้องทำการลงรายการ ยืม คืน ผู้ใช้สามารถอ่านได้ทั้งรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ สามารถทำสำเนา หรือสั่งพิมพ์ได้  และใช้คอมพิวเตอร์ในการอ่าน
   NetLibrary  Questia
          NetLibrary  
             - perpetuity price
             - Annual renewal price   = 15% of list price

E-Books at Yale : 2005-2009
     หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ของYale มีการเพิ่มขึ้นมากกว่า 110% ภายใน 4 ปี

Mobile Access to E-Books at Yale
     มีอุปกรณ์ 4 อย่างที่ใช้ในการสำรวจ คือ
1. Amazon Kindle 2.0
2. Sony Reader PRS-500
3. iRex iLiad 2nd edition
4. Apple iPod Touch


ผลปรากฎว่า
     Apple iPod Touch สามารถเข้าถึงหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ของYale ได้ถึง 84%
และ Amazon Kindle 2.0, Sony Reader PRS-500, iRex iLiad 2nd edition สามารถเข้าถึงหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ของYale ได้ 24% 



วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Electronic Book (ต่อ)

สรุปการเรียนการสอนเรื่อง Electronic Book ประจำวันจันทร์ ที่ 11 ก.ค. 54


Solution for e-book piracy (วิธีแก้ไขปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ e-book)
         ในหลายบริษัทมีการใช้รูปแบบไฟล์ที่เฉพาะเจาะจงกับcode หรือรหัส e-book ของพวกเขา ซึ่งเรียกว่า DRM  ย่อมาจาก digital rights management หมายถึง การจัดการลิขสิทธิ์ดิจิตอล  ตัวอย่าง เช่น Amazon มีการป้องกัน e-book ของพวกเขาโดยการวางไว้ในรูปแบบ AZW format ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถอ่านได้ใน e-readers อื่น ๆนอกจากอ่านใน Kindle เท่านั้น


Can DRM be cracked?
          DRM สามารถทำการ cracked ได้ เช่นเดียวกับข้อจำกัดของไฟล์ชนิดอื่นๆ กับซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์และมีความคงทนซึ่งเกือบทุกอย่างสามารถทำการ cracked ได้


ข้อด้อยของ e-book

     1. ต้องมีเครื่องอ่าน
             e - book ต้องใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น อุปกรณ์ต่อพ่วงและซอฟต์แวร์ที่สามารถเข้ากันได้เพื่อใช้ในการแสดงผล
     2. อ่านได้เฉพาะเครื่องอ่าน            
              ในขณะที่ e - book จำเป้นต้องใช้อุปกรณ์พ่อพ่วงเพื่อให้สามารถอ่านได้ ดังนั้นมันจึงสามารถรับผลกระทบจากความผิดพลาดจากภายนอกฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ได้ เช่น ฮาร์ดดิสก์ล้มเหลว เป็นต้น    
     3. ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า            
              อุปกรณ์ของ e - book ทั้งหมดต้องใช้พลังงานไฟฟ้า   
     4. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์บางเล่ม (ไฟล์)อาจไม่สามารถใช้กับเครื่องรุ่นใหม่ได้            
             เนื่องจาก e - book บางรุ่นอาจจะล้าสมัยหรือตกรุ่นไปแล้วจึงทำให้ไม่สามารถเข้ากันกับอุปกรณ์ที่ใหม่กว่าได้     
      5. หายง่าย      
             ผู้อ่านหนังสือมีแนวโน้มที่จะถูกขโมย e-book มากกว่าหนังสือที่เป็นกระดาษ     
      6. เปราะบางเสียหายง่าย         
             เนื่องจากไฟล์อิเล็กทรอนิกส์จะสามารถถูก Hack และ Crack ได้ง่าย 

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์มี 3 ประเภท ได้แก่
     1. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ชนิดแรกจะอยู่ในพื้นฐานรูปแบบของกระดาษสิ่งพิมพ์และจากนั้นจึงได้เปลี่ยน
เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Gutenberg Project และศูนย์ข้อความอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic text  Center) ของห้องสมุดมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย
     2. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประเภทที่สองได้แปลงข้อมูลดิจิทัลในอยู่รูปแบบซีดี และเปลี่ยนให้เป็นรูปแบบ 
 HTML ที่สามารถเข้ากันได้ เช่นสารานุกรม Americana (http://ea.grolier.com/ea-         online/static/search.htm)
     3. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประเภทสุดท้ายเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นระบบดิจิตอลตั้งแต่ต้น หรือ
เรียกอีกอย่างว่า Born Digital 


Optical Character Recognition - OCR เป็นโปรแกรมอ่าน Text จากภาพ
      โดยการนำข้อมูลจากหนังสือ มาทำการ Scan ด้วยเครื่อง Scanner จากนั้นใช้โปรแกรมประเภท OCR (Optical Character Recognition) มาทำการแปลงภาพที่ได้ ให้อยู่ในรูปแบบของ MS Word จากนั้นก็จะสามารถนำมาแต่งเพิ่มเติมได้ ยกตัวอย่าง โปรแกรม Omnipage และThai OCR (www.nectec.or.th)


Book Scanner





การจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  (Publishing model)     
     1. จัดทำส่วนบุคคล (Self-publishing)
     2. จัดทำเพื่อการค้า (Commercial)
     3. จัดทำเพื่อการศึกษา (Educational) 

1. จัดทำส่วนบุคคล (Self-publishing)
     จัดทำโดยผู้แต่งโดยตรง เช่น
Stephen King’s novels (http://www.stephenkingnews.com/)
     หรือโดยตัวกลางจัดจำหน่าย เช่น
             Amazon (http://www.amazon.com) 
             Barnes & Noble (http://www.barnesandnoble.com/).
             Fatbrain (http://www.fatbrain.com) offers an “eMatter Initiative” 
     ซึ่งในที่นี้ผู้แต่งสามารถจัดทำได้บนอินเทอร์เน็ต

2. จัดทำเพื่อการค้า (Commercial)
     นำไปใช้กับการตลาดเชิงพาณิชย์และต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับใบอนุญาตจากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์

3. จัดทำเพื่อการศึกษา (Educational) 
      เป็นการเผยแพร่เพื่อการศึกษา ซึ่งมหาวิทยาลัยได้ทำการเผยแพร่หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับหลักสูตรการเรียนการสอนของพวกเขา เช่น ตำราเรียน 
      - John Hopkins University Press 
      - Oxford University Press
      - Cambridge University Press 


ซอฟต์แวร์สำหรับการจัดทำ
     - ExeBook Self-Publisher
     - e-ditor 
     - Mobipocket Publisher 3.0 
     - Desktop Author
     - eBookGold
     - E Book crator 
    - Flip Alablum
        ส่วนมากซอฟแวร์เหล่านี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อมาใช้ แต่ก็ยังมี ซอฟแวร์ e-ditor ที่เป็น OSS ที่สามารถโหลดมาใช้งานฟรีได้ 

E-Book And Library
ข้อดี สำหรับห้องสมุด
   

Cooperative  
      สามารถจัดการรูปแบบของความร่วมมือในการจัดซื้อ ประหยัดงบประมาณ และสามารถเข้า
ถึงสารนเทศได้ในปริมาณที่มากขึ้น
Better Access 
      ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้จำนวนมากขึ้นในครั้งเดียวกัน และ มีรูปแบบหลากหลายให้เลือก 
 txt  pdf html dll ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมตามเครื่องมือที่มีสำหรับเปิดดู
Delivery to user  
      สามารถสนองความต้องการที่มีความต้องการได้ข้อมูลทันที VS ช้า
Cost and variable format 
      ราคาถูกกว่าสิ่งพิมพ์ และรูปแบบการจัดทำสะดวกที่ห้องสมุดไม่จำเป็นที่ต้องซื้อในรูปแบบที่หลากหลายเหมือนหนังสือ  Bound book, text book, large print version 

Storage 
      การจัดเก็บสามารถจัดเก็บได้สะดวกขึ้นเนื่องจากสามารถทำสำเนาได้ง่าย และ ไม่เปลืองกระดาษและไม่ต้องทำซ้ำซ้อน ไม่เปลืองเนื้อที่ในการจัดเก็บ
Expanding collections  
      การบอกรับห้องสมุดเป็นลักษณะการได้รับอนุญาตให้ใช้ (license) จึงสามารถบอกเลิก บอกรับต่อเนื่อง หรือจัดซื้อเป็นเจ้าของหากผู็ใช้ต้องการมาก
Staff efficiency   
      ลดงาน เช่น การลงรายการ การขึ้นชั้น การตรวจชั้น ยืม คืน การดูแลรักษา
Author/Publisher        
      ห้องสมุดสามารถจัดทำสิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ และสามารถให้บริการออนไลน์ได้ และมีเทคโนโลยีใหม่ที่ห้องสมุดทำมาใช้ในการให้บริการได้มากขึ้น เช่น Blog, WIKI, RSS, OSS


ข้อเสีย
Technical and management problems 
      - ขั้นตอนการจัดทรัพยากรในรูปแบบใหม่  develop acquisition and circulation models 
      - บุคลากร ต้องได้รับการฝึกฝนใหม่ เกี่ยวกับการจัดการให้บริการ หรือต้องการบุคคลากรกลุ่มใหม่
      - อุปกรณ์สำหรับร่วมใช้อาจต้องเพิ่มงบประมาณ จัดซื้อ และดูแลรักษา
      - การดูแลรักษา อุปกรณ์ที่ต้องให้บริการร่วม  Reader device
      - ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการขาด reader device
      - ผู้ใช้ต้องได้รับการอบรม
      - การจัดซื้อ การจัดซื้อโดยตรงจากผู้จำหน่าย ผ่าน เครดิตการ์ด ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับห้องสมุด
Development model 
      - การจัดบริการเป็นเรื่องใหม่
      - ผู้ผลิต ผู้จัดทำ 
               > อาจไม่มุ่งจัดทำสำหรับห้องสมุด ต้องทำการปรับ หรือ จัดการให้บริการ
               > การจัดทำต่างรูปแบบ การให้บริการ การเข้าถึงที่หลากหลาย
      - ต้องเข้าใจวิธีการตกลง ดูแลเกี่ยวกับการเข้าถึง และ การให้บริการที่ต้องทำการตกลงกับผู้ให้บริการ
      - การดูแลเกี่ยวกับสิทธิของการใช้
Resistance to change
      - Staff & user





วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Electronic Book - E- Book

สรุปการเรียนการสอนเรื่อง Electronic Book ประจำวันพฤหัสบดี ที่ 7 ก.ค. 54

The Evolution of Books

E Book 
     คือ หนังสือที่สามารถอ่านผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องปาล์ม หรือเครื่องอ่าน e-book โดยเฉพาะ มีลักษณะเด่นกว่าหนังสือที่เป็นกระดาษที่สามารถแสดงผลด้วยภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหวได้ นอกเหนือจากข้อความที่เป็นตัวอักษร อุปกรณ์ที่ใช้ในการอ่าน





การจัดทำมีหลายรูปแบบ ได้แก่
 1. Hardcover
2. Paperback
3. MP3 CD
4. Audiobook
5. MP3 Audio

คุณสมบัติของ E Book reader
     - ค้นภายในเนื้อหา (inside search, keyword searching) 
     - บันทึกข้อความ (note-taking)
     - คัดลอกและวาง (copying and pasting)
     - พจนานุกรม (dictionary capabilities)
     - เน้นข้อความ และเพิ่มเติมข้อความ (allow non-permanent highlighting and annotation)
     - ปรับขยาย ตำแหน่ง
     - อ่านออกเสียงได้
     - เชื่อมโยง (hyperlink) 
     - ต่ออินเทอร์เน็ต (internet)
     - ดีต่อสิ่งแวดล้อม

ประวัติ
       แนวคิดความคิดในเรื่องหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ได้ปรากฏในนิยายทางวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1940  ได้แก่เรื่อง
       - The Foundation
       - Star war       
       - Time Machine

       เครื่องอ่านแบบพกพา hand-held device/reader device เขียนกล่าวถึง 20 ปีมาแล้วใน  “Hitchhiker’s Guide To The Galaxy” 1979

1971 : ไมเคิลฮาร์ทเอสเริ่มทำโครงการ Gutenberg Project
1985-1992 :โรเบิร์ต สไตน์เริ่มต้นเปิดบริษัท Voyager Company Expanded Books และจัดทำหนังสือในรูปแบบ CD - ROMs
1993 :  เริ่มมีการพัฒนาซอฟแวร์เพื่อใช้สำหรับอ่านหนังสือดิจิทัลเป็นครั้งแรก ซึ่งได้มีการเผยแพร่บน Murder Considered ของ Thomas de Quincey
1993 : Brad Templeton ได้รับรางวัลHugo Award ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสำหรับบทความที่ดีที่สุดที่เผยแพร่บน CD-ROM
1993 : โครงการหนังสือดิจิตอลออนไลน์ฟรีบนอินเตอร์เน็ต
1995 : เริ่มมีการขายหนังสือบนอินเทอร์เน็ต โดย เว็บไซต์ Amazon 
2000 : สตีเฟ่นคิงได้นำเสนอหนังสือของเขา ชื่อ"Riding the Bullet"ในรูปแบบไฟล์ดิจิตอลก็สามารถอ่านได้บนเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น
2001 : Todoebook.com เป็นเว็บไซต์แรกที่ทำการขาย e-book ในสเปน
2002 : Random House และ HarperCollins เริ่มต้นขายหนังสือเวอร์ชันดิจิตอลของพวกเขาในชื่อภาษาอังกฤษ
2005 : Amazon ได้ทำการซื้อ Mobipocket เพื่อเป็นการวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ทางการตลาด
2006 : Sony ได้เปิดตัวเสนอ Sony Reader ที่ชื่อว่า e-ink
2007 : Zahurk Technologies,Corp.ได้เปิดตัวห้องสมุดหนังสือดิจิตอลครั้งแรกบนอินเทอร์เน็ต ที่เว็บไซต์ BibliotecaKlemath.com, loslibrosditales.com และ digitalbook.us
2007 : Amazon เปิดตัว Kindle ในสหรัฐอเมริกา
2007 : Bookeen เปิดตัว Cybook Gen3 ในยุโรป
2008 : Adobe และ Sony ตกลงร่วมมือกันเพื่อทำการแบ่งปันเทคโนโลยีของพวกเขา (Reader และ DRM)
2008 : Sony ขาย Sony Reader PRS - 505 ในอังกฤษและฝรั่งเศส
2008 : Amazon เปิดตัว Kindle 2 ในสหรัฐอเมริกา
2009 : Bookeen ได้ทำการปล่อย Opus Cybook ในสหรัฐอเมริกาและในยุโรป
2009 : Amazon เปิดตัว Kindle DX ในสหรัฐอเมริกา
2009 : Amazon Kindle 2 International Edition ไปทั่วโลก
2009 : Barnes & Noble เปิดตัว Nook ในสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน : มีมือถือ iPhone , Blackberry


ข้อดี คือ
Multimedia format     มีเสียง ภาพเคลื่อนไหว อ่านออกเสียงได้(Audio Book)
No wait time      เข้าถึงได้เร็ว  และสามารถอ่านได้ทันทีที่ซื้อ
Inexpensive       ราคาต่ำกว่าสิ่งพิมพ์ ไม่มีค่าส่ง โดยเฉพาะหนังสือวิชาการ สามารถสั่งทำเฉพาะที่ต้องการ       
                         และสามารถกำหนดบทที่ต้องการได้
Storage      ไม่ต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บ เครื่องมืออ่านสามารถจัดเก็บได้ในจำนวนมากถึง 1,000 เล่ม 
Environment      รักษาและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มากกว่าสิ่งพิมพ์ที่ใช้วัตถุดิบในการผลิตมากกว่าถึง 3 เท่า 
                         และใช้น้ำมากกว่า  78 เท่า

Discussion: Hotspot
     Hotspot หมายถึง ภาพหรือคำที่ปรากฎใน e - books ที่สามารถช่วยให้คำอธิบายเพิ่มเติมแก่เด็กๆหรือการออกเสียงเพื่อช่วยให้เด็กมีการเรียนรู้ และE - books ยังช่วยให้เด็กสามารถอ่านพจนานุกรมในขณะที่พบเจอคำศัพท์ยากๆได้ นอกจากนั้น E - books ยังมีคุณสมบัติการใช้งานภาพที่เด็กสามารถค้นหาภาพที่พวกเขาต้องการได้

ข้อด้อย คือ
มีการละเมิดลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้น
       ปัญหาที่เกี่ยวข้องด้านสุขภาพ  คือ การใช้สายตาในการเพ่งเล็งนานมากเกินไป สามารถทำให้เกิดการปวดตาได้

E - books กับการละเมิดลิขสิทธิ์
     การเพิ่มขึ้นของจำนวนการซื้อ e - books ที่มีอยู่และจำนวนการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ e - books ในเว็บไซต์และนอกจากนี้ยังมีการแชร์ไฟล์ใน P2P เพิ่มขึ้นด้วย เราไม่สามารถทราบอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ของ
 e - books ในแต่ละปีได้ แต่อย่างไรก็ตามมันได้เพิ่มอัตราขึ้นเรื่อย ๆ จากปีที่ผ่านมา ซึ่ง  PCWorld พบว่า 1 ใน 3 ของจำนวนหนังสือที่ขายดีที่สุดสำหรับปี 2009 สามารถพบได้บนเครือข่ายของ P2P, ในหน้าเว็บแลกเปลี่ยนหนังสือและแชร์ไฟล์




วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ภารกิจในการเข้าถึงเอกสารแบบเปิด:ระดับมหาวิทยาลัยและแหล่งทุน

สรุปการเรียนการสอนเรื่อง ภารกิจในการเข้าถึงเอกสารแบบเปิด:ระดับมหาวิทยาลัยและแหล่งทุน ประจำวันจันทร์ ที่ 4 ก.ค. 54

          การเข้าถึงบทความที่เป็นเอกสาร OA ผู้อ่านสามารถเข้าถึงบทความได้ในรูปแบบดิจิทัลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งภารกิจในการทำคลังเอกสารนี้เกิดจากการลงมติของสถาบันการวิจัย และฝ่ายงานวิชาการของมหาวิทยาลัยที่เห็นความสำคัญและประโยชน์ของการจัดทำคลังเอกสาร ทั้งนี้หน่วยงานที่มีสำคัญในการออกภารกิจการจัดทำเอกสาร OA ได้แก่ มหาวิทยาลัย กรมหน่วยงานของรัฐบาล และองค์กรต่างๆซึ่งมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วโลกได้มีการออกภารกิจการจัดทำเอกสาร OA ขึ้นรวมทั้งหมด 146 แห่ง เป็นหน่วยงาน รัฐบาลจำนวน 30 หน่วยงาน องค์กรผู้ให้ทุนอื่นๆ 46 แห่ง และองค์กรการวิจัย 75 แห่ง รวมทั้งสิ้น 276 แห่ง ซึ่งมหาวิทยาลัยที่มีการจัดทำคลังเอกสาร OA และออกภารกิจการจัดทำเอกสาร OA แห่งแรก คือ มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด

ภารกิจในการจัดทำเอกสาร OA ของมหาวิทยาลัย
       เนื่องจากการจัดทำเอกสาร OA เป็นการเปิดความคิด เปิดทัศนะคติ และยังช่วยให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ ดังนั้นมหาลัยหลายๆแห่งจึงมีการกำหนดนโยบายในการจัดทำเอกสาร OA ขึ้นเพื่อให้การจัดทำเอกสาร OA มีมาตรฐานและมีคุณภาพ โดยองค์กรที่มีหารกำหนดภารกิจในการจัดทำเอกสาร OA มีทั้งสิ้น 264 องค์กร (Roarmap, 2010) แบ่งเป็นมหาวิทยาลัย 208 แห่ง ซึ่งในที่นี้จะขอยกตัวอย่างภารกิจของมหาวิทยาลัย Harvard University ให้ได้ทราบข้อมูลพอสังเขป

Harvard University




             เป็นสถาบันแห่งแรกของสหรัฐอเมริกาที่ได้นำเอกสาร OA มาใช้ ซึ่งคณะที่ริเริ่มทำเอกสาร OA คือ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ โดยมีการจัดตั้งคณะผู้ดำเนินงานและวางแผนโครงการว่าจะใช้อินเทอร์เน็ตในการเผยแพร่เอกสาร OA ซึ่งการนำงานของผู้เขียนมาจัดทำเป็นเอกสารเปิดสารธารณะที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายนั้น ผู้เขียนจะต้องนำผลงานของตนมาทำเป็นวารสารแบบเสรี ซึ่งผู้เขียนเองก็มีความคาดหวังว่าบทความของตนจะถูกนำไปดัดแปลงหรือต่อยอดความรู้ให้แก่ผู้อื่นได้ ซึ่งการจัดทำเอกสาร OA นั้นทางมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดคาดหวังว่าจะทำให้การค้นคว้าวิจัยมีขอบเขตที่กว้างขวางมากขึ้น



ภารกิจในการจัดทำเอกสาร OA ของคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มีทั้งหมด 9 ข้อดังนี้

     1. กำหนดให้คณะต่างๆในมหาวิทยาลัยจัดทำเอกสาร OA โดยใช้สัญญาอนุญาตและใช้ครีเอทีฟคอมมอนเป็นสัญลักษณ์ผู้สร้างสรรค์ผลงาน
     2. เอกสารหรือ ผลงานที่นำมาจัดทำเป็นเอกสาร OA จะไม่สามารถนำไปจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไรได้ เนื่องจากบทความทุกบทความมีสัญญาอนุญาตของผู้แต่ง หรือเจ้าของผลงานนั้น
     3. มีการจัดทำคลังจัดเก็บเอกสารที่บุคคลทั่วไปสามารถสืบค้น และเข้าใช้ได้
     4. เจ้าของผลงานหรือนักวิจัยสามารถส่งสำเนาให้กับทางคณะได้โดยตรง จากนั้นทางคณะจะนำเอกสาร หรือผลงานไปจัดทำให้เอกสารฉบับนั้นเป็นเอกสาร OA
     5. เอกสารที่เป็นเอกสาร OA จะผ่านการรับรองโดย Faculty of Art and Science - FAS
     6. เอกสารหรือผลงานทางวิชาการต่างๆ ทางคระจะทำการพิจารณาถึงความเหมาะสมในการเผยแพร่ โดยเอกสารบางอย่างอาจถูกคัดออก เนื่องจากความไม่เหมาะสมในบางประการ
     7. เมื่อเจ้าของผลงานมีความต้องการที่จะเผยแพร่เอกสาร ทางคณะสามารถนำบทความหรือผลงานทางวิชาการ ไปเผยแพร่ยังวารสารที่เจ้าของผลงานต้องการนำผลงานของตนไปเผยแพร่ได้ นอกจากนั้นยังให้การรับรองในการรักษาสิทธิของเจ้าของผลงาน
     8. เมื่อนำผลงานทางวิชาการมาเผยแพร่เป็นเอกสาร OA แล้วทางคณะจะทำการรักษาสัญญาอนุญาต หรือสิทธิให้เจ้าของผลงานโดยไม่มีการกำหนดระยะเวลา
     9. เมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับผลงานต่างๆ ในด้านสิทธิของเจ้าของผลงานสามารถมาทำคำร้องที่มหาวิทยาลัยได้ และทางคณบดีของคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จะจัดการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ (Eastman, G., 2008)

ภารกิจในการจัดทำเอกสาร OA ขององค์กรผู้ให้ทุน

     องกรณ์ผู้ให้ทุนเป็นองค์กรที่มีความสำคัญต่อการจัดทำเอกสาร OA เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นผู้สนับสนุน และให้ทุนแก่ผู้ทำวิจัย หรือต้องการมีผลงานทางวิชาการ โดยในการให้ทุนนั้น ในปัจจุบันผู้ให้ทุนจะมีการจัดทำนโยบายในการจัดทำเอกสาร OA เช่นกันเพื่อกำหนดเงื่อนไข และข้อกำหนดในการให้ทุน ซึ่งในที่นี้จะขอยกตัวอย่างองค์กรผู้ให้ทุน Wellcome trust โดยมีรายละเอียดดังนี้

Wellcome trust

     เป็นองค์กรเอกชนที่ให้การสนับสนุนและให้เงินทุนในการจัดทำเอกสาร OA ซึ่งนับว่าเป็นองค์กรผู้ให้ทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษ ที่ให้ทุนสำหรับงานวิจัยทางด้านการแพทย์ โดยการจัดทำเอกสาร OA นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อเผลแพร่งานวิจัย ตามพันธกิจขององค์กร ที่จะช่วยให้เกิดผู้เชียวชาญการวิจัยทางด้านการแพทย์และชีววิทยา ผลงานวิจัยนี้เป็นความคิด และความรู้ใหม่ที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการตรวจสอบจากนักวิชาการแล้ว ทั้งนี้ ทาง Wellcome trust จะเปิดรับเฉพาะเอกสารทางด้านการวิจัย หรืองานวิจัยเท่านั้น โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลการวิจัยได้จากฐานข้อมูล PMC ซึ่งเป็นฐานข้อมูลทางด้านการแพทย์ที่น่าเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับในสากล (Wellcome trust, n.d.)

ภารกิจในการจัดทำเอกสาร OA ของ Wellcome trust มีรายละเอียดดังนี้
     1. ผู้ที่ได้รับทุนการทำวิจัยจะต้องนำผลงานการวิจัยกลับมาให้ทาง Wellcome trust เผยแพร่เผ็นเอกสาร OA
     2. บทความของผู้รับทุนจะถูกเผยแพร่ในฐานข้อมูล PMC และ UK PunMed Central (UK PMC) การทำเอกสารต้นฉบับต้องอยู่ในรูปแบบดิจิทัลและให้ Wellcome trust ตรวจสอบก่อน และจะนำไปเผยแพร่ยังฐานข้อมูลที่กล่าวมาภายในเวลา 6 เดือน หลังจากเจ้าของผลงานส่งผลงานฉบับสมบูรณ์ (postprint) กลับมา
     3. ผู้ขอรับทุนสามารถขอรับทุนเพิ่มเติมได้ โดยทาง Wellcome trust จะให้เงินทุนเพิ่มเติมผ่านสถาบันของผู้รับทุน เพื่อประโยชน์ต่อการแสวงหาความรู้อันจะนำมาซึ่งความรู้ที่มีคุณภาพ และก่อให้เกิดความน่าเชื่อถือของสถาบัน
     4. การเผยแพร่ข้อมูลจะเป็นการเผยแพร่เอกสารฉบับเต็มที่ผู้ใช้สามารถคัดลอกได้อย่างอิสระภายใต้สัญญาอนุญาต ซึ่งจะต้องมีการอ้างถึงเมื่อนำบทความหรือข้อมูลทางวิชาการไปใช้
     5. หากผลงานที่ผู้รับทุนนำมาฝากเป็นผลงานที่มีคุณภาพ และมีผู้อ้างถึงมาก ทางองค์กรจะมีการพิจารณาให้ทุนแก่เจ้าของผลงานคนดังกล่าวในคราวต่อไป